
ชาวตูโปเป็นบรรพบุรุษของชนชาติธิเบต แรกเริ่มดำรงชีวิตอยู่ในที่ราบสูงทิเบตมีอาชีพทำรเกษตรและเลี้ยงสัตว์ ในตอนแรกของศตวรรษที่ 7 ผู้นำที่มีบทบาทของตูโปนามว่า ซงจ้านกานปู้ ได้ทำการรวมชนชาติและตั้งเมืองหลอเซีย(เมืองลาซา ทิเบตในปัจจุบัน)ขึ้นเป็นเมืองหลวง
ซงจ้านกานปู้ชื่นชอบวัฒนธรรมของราชวงศ์ถังเป็นอย่างมาก และหวังจะได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์ถังที่เจริญรุ่งเรือง พระเจ้าถังไท่จึงยกองค์หญิงเหวินเฉิงให้อภิเษกด้วย
ปี ค.ศ. 641 องคค์หญิงเหวินเฉิงเดนทางไปตูโป โดยมีข้าราขการเดินทางไปด้วย พระราชพิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร ภายใต้การต้อนรับของชาวตูโปที่ดีอย่างมาก ชาวบ้านต่างร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน แต่เดิมชาวตูโปอาศัยอยู่ในเต้นท์ที่พัก แต่ว่ากันว่าเพื่อต้อนรับองค์หญิง จึงทำการก่อสร้างพระราชวังอย่างหรูหราขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งก็คือ พระราชวังโปตาลาในปัจจุบันนั้นเอง
องค์หญิงรักการอ่านหนังสือ เป็นหญิที่มีความสารถ ครั้นพระองค์เข้าสู่ตูโป ก็ได้นำเอายารักษาโรค หนังสือ เมล็ดพันธ์พืช และงานหัถกรรมของราชวงศ์ถังไปด้วย นอกจากนี้ยังมีช่างฝีมือในการเลี้ยงหม่อนไหม ช่างหมักเหล้า ช่างผลิตกระดาษ และช่างทอผ้าร่วมเดินทางไปด้วย องคืหญิงนับถือศาสนาพุทธว่ากันว่าองค์หญิงเป็นผู้เลือกสถานที่สร้างวัดต้าเจา(วัดโจคัง)เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมของชนชาติฮั่นสู่ชาวตูโป ทำให้วัฒนธรรมและการผลิตของตูโปพัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม
องค์หญิงเหวินเฉิงมีชีวิตอยู่ในตูโปเป็นระยะเวลา 40 ปี พระองค์ได้เสียสละตนเพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีระหว่างสองชนชาติ ชาวธิเบตต่างก็รักและรำลึกถึงองค์หญิงเสมอมา จนถึงปัจจุบันวัดต้าเจาและพระราชวังโปตาลาในเมืองลาซา ยังคงมีรูปปั้นขององค์หญิงเหวินเฉิงประดิษฐานไว้ นอกจากนี้ในกลุ่มชนชาติธิเบตก็ยังมีเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับองค์หญิงเหวินเฉิงมากมาย
อ่านแล้วทำให้อยากไปเที่ยวมากเลยค่ะ
ตอบลบอยากไปพระราชวังโปตาลาจังเลยอ่ะ
ตอบลบอยากไปเห็นกับตาจริงๆ
ตอบลบมีแต่คนบอกว่าสวยมาก